ไวอากร้าคืออะไร มาทำความรู้จักกันเลย Viagra หรือ ซิลเดนาฟิล คือยาหรือสารสังเคราะห์ที่ใช้รักษาในหมู่ผู้ชายที่มีอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งได้ไม่นานพอที่จะทำกิจกรรมร่วมรักให้สำเร็จลุล่วงได้ หรือที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED) น้องชายไม่สู้ เป็นต้น
คนส่วนมากเคยได้ยินชื่อของยาปลุกชายมานานหลายปี แล้ว ไวอากร้าคืออะไร มาหาคำตอบกัน
ไวอากร้าคืออะไร
ไวอากร้า่คือ สารชนิดนึงชื่อว่า ซิเดนาฟิว ทำหน้าที่ขยายหลอดเลือด เพื่อไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศชาย ส่วนใหญ่ใช้สำหรับรักษาอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัวในเพศชาย บางท่านเรียกว่าอาการนกเขาไม่ขัน ยาไวอากร้าสามารถช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ดี ไและม่อ่อนตัวในขณะมีเพศสัมพันธ์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
กลไกการทำงานของตัวยาไวอากร้า ก็คือจะเข้าไปกระตุ้นให้หลอดเลือดเพื่อขยายหลอดเลือด ซึ่งจะส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศผู้ชายเพิ่มขึ้น ร่างกายเมื่อได้รับการกระตุ้นจากฝั่งตรงข้าม สมองก็สั่งการให้อวัยวะเพศแข็งตัวนั่นเอง
ไวอากร้ามีสรรพคุณอย่างไร ?
ยาตัวนี้เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ แต่ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นคือ มันไม่สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ โดยตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นสารไซคลิก-จีเอ็มพี ซึ่งเป็นสารที่อยู่บริเวณผนังหลอดเลือด
ทำให้ผนังหลอดเลือกบริเวณอวัยวะเพศชายขยายตัวขึ้น จนอวัยวะเพศชายแข็งตัวได้เพียงพอที่จะประกอบกิจกรรมทางเพศ ทำให้การมีเพศสัมพันธ์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยาจะเข้าไปช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อคาร์โปราคาเวอร์โนซา (Carpora carvernosa) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อเยื่อทรงกระบอกที่มีเส้นประสาทและหลอดเลือดที่ทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว ยาตัวนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
หลักการทำงานของไวอากร้า
กลไกลการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายคือ เริ่มต้นด้วยการมีสิ่งมากระตุ้น เล้าโลม แล้วร่างกายจะสร้างสารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อ ซีจีเอ็มพี (cGMP) ไปกระตุ้นที่ผนังหลอดเลือดในอวัยวะเพศชายให้ขยายตัว และช่วยคงความแข็งตัวของอวัยวะเพศไว้ แต่สำหรับในผู้ชายที่มีปัญหามักจะถูก ฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 มาทำลายสารซีจีเอ็มพี จึงทำให้อวัยวะเพศอ่อนตัวลง
ส่วนยาไวอากร้านั้นมีหน้าที่ออกฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 และเมื่อสารซีจีเอ็มพีไม่ถูกทำลาย หลอดเลือดจึงขยายตัวและเป็นเหตุให้อวัยวะเพศแข็งตัวต่อไปได้
นั่นหมายความว่า ยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อร่างกายมีการหลั่ง สารซีจีเอ็มพี ออกมาก่อน ซึ่งหมายถึงต้องมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้นก่อน มีบรรยากาศที่เหมาะสม และต้องมีความต้องการทางเพศเกิดขึ้นด้วย ยาถึงจะใช้ได้ผล
ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยา
เมื่อกินยาเข้าไปแล้ว ยาจะออกฤทธิ์ภายในประมาณ 30-60 นาที ฤทธิ์ของยาจะหมดเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่กินเข้าไป รวมถึงระบบเผาผลาญของร่างกายแต่ละคนด้วย แต่หากกินยาเข้าไปแล้วยังไม่ออกฤทธิ์เสียที ห้ามกินยาเพิ่มเองโดยเด็ดขาด ในทางกลับกัน หากสิ้นสุดการมีเพศสัมพันธ์และเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ยายังไม่หมดฤทธิ์ อวัยวะเพศยังคงแข็งตัวอยู่ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ
ชนิดของไวอากร้า มีกี่ชนิด อะไรบ้าง ?
ไวอากร้าทั่วไปหลักๆ มี 4 ชนิดได้แก่
- Sildenafil หรือ เรียกไวอากร้า
เป็นยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กินก่อนมีเพศสัมพันธ์ 1 ชั่วโมง แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง คือ มีผลเสียต่อจอเรตินาในตา ทำให้จะเห็นทุกอย่างเป็นสีฟ้า แต่อาการจะหายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง - Vardenafil หรือ เรียกเลวิตร้า
ตัวนี้ดีพอๆ กับซิลเดนาฟิล แต่ออกฤทธิ์ได้ไวกว่า 1 ชั่วโมง เพราะเป็นแบบละลายในปากทำให้ได้ผลไว แต่ก็พบว่าบางคนอาจแพ้หรือมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน - Tadalafil หรือ เรียกเซียลิส
ตัวนี้บางคนอาจจะเรียกกันว่า ยาวันหยุด หรือ Holiday Pill ซึ่งชนิดนี้เป็นตัวที่ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกกินเพราะออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เป็นยาที่แรง แต่ก็เสี่ยงกับผลข้างเคียงที่เพิ่มขึ้น - Avanafil หรือ เรียกสเตนดร้า
ชนิดนี้เป็นตัวใหม่ที่พึ่งได้รับการรับรองจากอเมริกาและแถบยุโรป ซึ่งข้อดีของมันคือ เป็นชนิดเดียวที่ออกฤทธิ์ได้เร็วที่สุด ภายใน 15 นาทีหลังกินยา จะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ข้อเสียของมันก็คือ คนที่กินยาไนเตรทห้ามทานเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดความดันต่ำจนเสียชีวิตได้เลย
คลิ๊ก ->> การทำงานของไวอากร้าแต่ละชนิด
กินยาได้ตอนไหน ?
ถ้ากินยาไวอากร้า ก็ต้องกินก่่อนมีกิจกรรมเท่านั้นนะคะ ควรกินเพียงครั้งละ 1 เม็ดก่อนมีกิจจกรรมทางเพศ ประมาณ15 นาที บางคนถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ยาจะออกฤทธิ์ได้เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศเท่านั้นนะคะ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
อาจมีปวดศีรษะเล็กน้อย มองเห็นผิดปกติ ตามัว มองเห็นภาพเป็นสีน้ำเงินในบางราย ร้อนวูบวาบ หน้าแดง เจ็บหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออกมาก เป็นลม หากเกิดอาการเหล่านี้หลังใช้ยา ให้รีบมาพบแพทย์ทันที