ยาซิลเดนาฟิล Sildenafil คืออะไร?

sildenafil (ซิลเดนาฟิล) เป็นยารักษาภาวะหย่อนสรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือนกเขาไม่ขันในเพศชายที่ใช้ควบคู่กับการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์คลายหลอดเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดของอวัยวะเพศชายและทำให้เกิดการแข็งตัว นอกจากนี้ ยา Sildenafil ยังใช้รักษาภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (Pulmonary Arterial Hypertension)

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาซิลเดนาฟิล Sildenafil วิธีใช้ การเก็บรักษายา และผลข้างเคียง

ทั้งนี้ ยาSildenafil ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี โรคหนองใน หรือโรคซิฟิลิส ผู้ป่วยจึงควรป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยต่อตัวเองและอีกฝ่าย

sildenafil

เกี่ยวกับยา Sildenafil

กลุ่มยา ยายับยั้งเอนไซม์ฟอสโฟไดเอสเทอเรส (Phosphodiesterase Inhibitor)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่ เด็ก
รูปแบบของยา ยาฉีด ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป

ปริมาณการใช้ยา Sildenafil

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ตัวอย่างการใช้ยาSildenafil เพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือปรับระยะเวลาในการรับประทานตามการตอบสนองต่อยา ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน

ภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง

ตัวอย่างการใช้ยาSildenafil เพื่อรักษาภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 5 หรือ 20 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน สำหรับยาฉีดทางหลอดเลือดจะใช้ยาปริมาณ 2.5 หรือ 10 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน

เด็กอายุ 1–17 ปี หากมีน้ำหนักน้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 กิโลกรัม ให้รับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน หากมีน้ำหนักเกิน 20 กิโลกรัม ให้รับประทานยาปริมาณ 20 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน

การใช้ยาSildenafil วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยา
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ แต่ห้ามรับประทานเกินวันละ 1 ครั้ง
  • ยาซิลเดนาฟิล แต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาในการใช้ยาที่ต่างกัน ผู้ป่วยควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนการรับประทาน
  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงมื้ออาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาจส่งผลให้ยาออกฤทธิ์ช้าลงได้
  • ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นทางเพศด้วย เนื่องจากการรับประทานยาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้อวัยวะเพศชายเกิดการแข็งตัวแต่อย่างใด
  • ยาซิลเดนาฟิล มักใช้เมื่อจำเป็น แต่หากผู้ป่วยมีตารางการใช้ยาที่ชัดเจนแล้วลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงช่วงเวลาของยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • หากผู้ป่วยสงสัยว่าตัวเองใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง


ผลข้างเคียงของการใช้ยา ซิลเดนาฟิล

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

ในช่วงการทำกิจกรรมทางเพศ หากคุณมีอาการวิงเวียนหรือคลื่นไส้ หรือมีอาการปวด ชา หรือเหน็บที่บริเวณหน้าอก แขน คอ หรือกราม โปรดหยุดใช้ยาและติดต่อแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อยาซิลเดนาฟิล

หยุดใช้ยาซิลเดนาฟิลและติดต่อแพทย์ทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น

  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลง หรือสูญเสียการมองเห็นกะทันหัน
  • มีเสียงอื้อในหู หรือสูญเสียการได้ยิน
  • รู้สึกปวดหรือหนักที่หน้าอก มีอาการปวดแพร่ไปยังแขนหรือไหล่ คลื่นไส้ เหงื่อออก รู้สึกป่วยทั่วไป
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • อาการบวมที่มือ ข้อเท้า หรือเท้า
  • หายใจลำบาก
  • รู้สึกหน้ามืด หมดสติ
  • อวัยวะเพศชายแข็งตัวแบบมีอาการปวดหรือนานกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไป

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่า อาจมีดังนี้

  • รู้สึกอุ่นหรือแดงที่ใบหน้า คอ หรือหน้าอก
  • คัดจมูก
  • ปวดศีรษะ
  • มีปัญหากับความจำ
  • ท้องไส้ปั่นป่วน
  • ปวดหลัง
  • ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้